
รัฐบาลจัดสรรงบ 400,000 ล้านวอน เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกและส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เหล็กสีเขียว (green steel) รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศมาตรการชุดใหม่เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งกำลังเผชิญปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินทั่วโลกและกระแสการปกป้องทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ตามรายงานของ The Korea Times
กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน (Ministry of Trade, Industry, and Energy) ระบุว่า รัฐบาลจะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงิน ส่งเสริมนวัตกรรม และผลักดันการผลิตเหล็กมูลค่าสูง
โดยแผนดังกล่าวประกอบด้วยโครงการค้ำประกัน (guarantee program) วงเงิน 400,000 ล้านวอน (ประมาณ 278 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสนับสนุนการส่งออกเหล็ก และงบประมาณอีก 150,000 ล้านวอน สำหรับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เหล็ก อะลูมิเนียม และทองแดง โดยกองทุนนี้ได้รับการร่วมลงทุนจากกลุ่มบริษัท POSCO ธนาคารอุตสาหกรรมแห่งเกาหลี (Industrial Bank of Korea) และบริษัทประกันการค้าของเกาหลี (Korea Trade Insurance Corp)
โครงการดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงสินเชื่อพิเศษที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และระยะเวลาชำระคืนที่ยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะเดินหน้าหารือกับประเทศคู่ค้า เพื่อยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการจำกัดทางการค้า เช่น ภาษีนำเข้าเหล็ก 50% ของสหรัฐฯ และกลไกการปกป้องการค้า (safeguard) ชุดใหม่ของสหภาพยุโรป
เกาหลีใต้ยังมีแผนจะบังคับใช้ระบบการรับรองคุณภาพเหล็กนำเข้า (quality certification for steel imports) ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป และจะเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามการทุ่มตลาด
ในด้านการปรับปรุงเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรม รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณราว 200,000 ล้านวอน เพื่อการวิจัยและพัฒนาเหล็กกล้าคาร์บอนพิเศษ (special carbon steels) รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการผลิต
รัฐบาลยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการเปลี่ยนผ่านสู่เหล็กสีเขียว (green transition) โดยจะส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเหล็กด้วยไฮโดรเจน (hydrogen-based steel production technologies) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าที่จะปรับลดภาษีนำเข้าเหล็กจากเกาหลีใต้ลงเหลือ 15% จากเดิมที่กำหนดไว้ 25%
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เกาหลีใต้ยังตกลงที่จะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ารวม 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็น 150,000 ล้านดอลลาร์ ในโครงการร่วมด้านอู่ต่อเรือ และอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมชิป พลังงานนิวเคลียร์ แบตเตอรี่ และเทคโนโลยีชีวภาพ นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังจะจัดซื้อน้ำมันและพลังงาน (LNG, LPG, and oil) จากสหรัฐฯ มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรัฐบาลระบุว่าอยู่ในระดับปกติของปริมาณการนำเข้าในแต่ละปี